หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

ผลของอกุศลกรรม




ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

บางท่านก็อาจจะสงสัยว่า การเจ็บป่วยเป็นผลของอกุศลกรรมใช่ไหม  แน่นอนค่ะ  การเจ็บป่วยเป็นวิบากหรือผลของอกุศลกรรม  แต่มิใช่เพียงแค่ขณะที่เจ็บป่วยเท่านั้น  ขณะใดที่เห็น  ที่ได้ยิน  ที่ได้กลิ่น  ที่ได้ ลิ้มรส   ที่รู้กระทบสัมผัสทางกาย  ต้องทราบว่าขณะนั้นเป็นวิบาก  เป็นผลของกรรมที่ได้กระทำแล้วในอดีต  ถ้าเห็นสิ่งที่ไม่น่าพอใจ  ก็เป็นผลของอกุศลกรรม  ได้ยินเสียงที่ไม่ไพเราะ เป็นผลของอกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้วในอดีต

เพราะฉะนั้น ในชีวิตประจำวันก็จะเห็นได้ว่า  ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งถึงขณะนี้  ก็เป็นผลของอดีตกรรมที่ได้กระทำแล้วทั้งสิ้น  ส่วน "กรรม"  คือ หลังจากที่วิบากจิตดับไปแล้ว กุศลจิตหรืออกุศลจิต ที่เกิดต่อ  ยังไม่ได้ให้ผลทันที โดยไม่มีระหว่างขั้น  แต่ต้องอาศัยปัจจัยอื่น  เมื่อพร้อมที่จะให้ผลเมื่อไร  ก็จะได้รับผลทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้นและทางกายเมื่อนั้น


                       ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านและขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์

                                                     

วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

มิจฉาทิฏฐิ




ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย                                            

มิจฉาทิฏฐิต้องเป็นความเห็นที่มั่นคงว่า การกระทำนั้นไม่ใช่กรรมที่จะให้เกิดผล ได้แก่ มิจฉาทิฏฐิ ๓ อย่าง  จึงจะทำให้อกุศลกรรมบถแตกหรือขาดได้  คือ มีความเชื่อว่าผลของกรรมไม่มี ๑  มีความเชื่อว่ากรรมไม่มี ๑   มีความเชื่อว่าการกระทำนั้นไม่เป็นกรรม ๑

ถ้าพิจารณาจิตก็จะสะดวกและง่ายกว่า  อกุศลจิตหรือกุศลจิตเกิดขึ้นเมื่อไหร่  ก็รู้ว่าลักษณะสภาพธรรมนั้น เป็นสภาพของอกุศลหรือกุศล  เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่เรา  ถ้าพิจารณาอยู่บ่อย ๆ เนือง ๆ  ดังนี้  ก็จะทำให้ไม่กังวลและไม่ห่วงเรื่ององค์ของกรรมบถต่าง ๆ  เพราะเหตุว่า สติสามารถที่จะระลึกรู้ความมีกำลังขึ้นของอกุศลหรือกุศลได้

ถ้าสติเกิดในขณะนี้  ก็พอที่จะรู้ลักษณะของกุศลและอกุศล  ค่อย ๆ รู้ไปในลักษณะของรูปธรรมและนามธรรม  ยังไม่ต้องห่วงว่ายังไม่สามารถที่จะแยกได้ว่า  ขณะนี้เป็นกุศลจิต ขณะนั้นเป็นอกุศลจิต  ขณะนั้นเป็นวิบากจิต เป็นกิริยาจิต  แต่ว่าการที่สติระลึก เพื่อที่จะรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรม ที่ไม่ใช่ตัวตน  สัตว์ บุคคล  เพราะว่าเป็นลักษณะของสภาพรู้  ซึ่งใช้คำว่า  "นามธรรม"  หรือเป็นลักษณะที่ไม่ใช่สภาพรู้ ซึ่งเรียกว่า "รูปธรรม"  ที่กำลังปรากฏทางตา  ทางหู  ทางจมูก ทางลิ้น หรือทางกาย  ต้องค่อย ๆ รู้ไปในลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม จนกว่าที่จะรู้ว่า  ขณะใดเป็นกุศลจิต ขณะใดเป็นอกุศลจิต


                          ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านและขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์