หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2555

รูปธรรมและนามธรรมหมายถึงอะไร






  
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สวัสดีค่ะ....ท่านผู้ใจบุญทุกท่าน



ท่านมีความเข้าใจในสิ่งที่มีจริงหรือยัง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ความจริงในสิ่งที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมะ ภาษาบาลีว่า "สัพเพ ธัมมา"  พระองค์ทรงแสดงพระธรรมในเรื่องของสิ่งที่มีจริงตลอดเวลา ๔๕ พรรษา เพื่อเกื้อกูลแก่สัตว์โลกทั้งหลาย

คำว่า "ธรรมะ" หมายความถึงสิ่งที่มีจริง ทุกอย่างเป็นธรรมะ แต่ว่าเราไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าทุกอย่างอยู่ในตัวของเราและในโลกเป็นธรรมะ เพราะเหตุว่ามีอวิชชา (ความไม่รู้)ปิดบัง จึงไม่สามารถรู้ตามความเป็นจริงของสภาพธรรม  แต่ถ้าเราเริ่มศึกษาก็จะเริ่มเข้าใจขึ้นว่า พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ทั้งหมดก็คือขณะที่กำลังปรากฏขณะนี้.....

ธรรมะหรือสิ่งที่มีจริงในโลกนี้  พระองค์ได้ทรงจำแนกออกเป็น ๒ ลักษณะต่างกันคือ นามธรรมกับรูปธรรม....สิ่งที่มีจริงไม่จำเป็นต้องมองเห็น เช่น เสียงมีจริง แต่เสียงไม่สามารถเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้  เสียงไม่คิด  เสียงไม่รู้กลิ่น เสียงไม่รู้รส เสียงไม่สุข เสียงไม่ทุกข์ เสียงไม่คิด เสียงไม่สามารถรู้อะไรทั้งสิ้น  เสียงจะปรากฏได้เมื่อมีของแข็งกระทบกัน ทำให้สภาพธรรมอย่างหนึ่งเกิดขึ้น คือ "เสียง" และเสียงปรากฏได้เมื่อบุคคลนั้นมีโสตปสาท (หู) จึงสามารถได้ยิน (รู้) เสียง....นอกจากเสียงแล้วก็ยังมีอีกมากมายที่เป็นสภาพธรรมที่ไม่สามารถรู้อะไรเลย เช่น สี กลิ่น รส เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ไหว ตึง เหล่านี้เป็นรูปธรรมทั้งหมด.....

สภาพธรรมอีกประเภทหนึ่งเป็น สภาพรู้หรือธาตุรู้ (จิต) เรียกว่า "นามธรรม" เกิดขึ้นเมื่อใด จะต้องมีสิ่งที่ถูกรู้เสมอ เช่น เมื่อเห็น (จักขุวิญญาณ) เกิดก็จะต้องมีสิ่งที่ถูกเห็น (รูปารมณ์)ปรากฏ......เมื่อได้ยิน (โสตวิญญาณ)เกิดขึ้น ก็จะต้องมีเสียง (สัทธารมณ์)ปรากฏ......เมื่อได้กลิ่น (ฆานวิญญาณ)เกิดขึ้นก็จะต้องมีกลิ่น (คันธารมณ์)ปรากฏ......เมื่อลิ้มรส (ชิวหาวิญญาณ) เกิดขึ้น ก็จะต้องมีรส (รสารมณ์) ปรากฏ...... เมื่อรู้ (กายวิญญาณ)กระทบสัมผัสทางกาย เกิดขึ้น ก็จะต้องมีเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ไหว ตึง (โผฏฐัพพารมณ์) ปรากฏ....... เมื่อรู้ความคิดนึก (มโนวิญญาณ)เกิดขึ้น ก็จะต้องมีเรื่องราว(ธรรมารมณ์)ปรากฏ

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ธาตุรู้หรือจิต เป็นสภาพที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งลักษณะของสิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏให้รู้ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายและทางใจ....ดังนั้นจึงพอที่จะแยกสภาพธรรม ๒ อย่างนี้ได้ เช่น เสียงไม่ใช่สภาพที่ได้ยิน....กลิ่นไม่ใช่สภาพได้กลิ่น...รสไม่ใช่สภาพรู้รส ....เห็น ไม่ใช่สิ่งที่ปรากฏทางตา......เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ไหว ตึงไม่ใช่สภาพรู้  แต่มีจริงเมื่อมีการกระทบสัมผัสทางกาย ซึ่งสามารถรู้ได้ด้วยธาตุรู้คือนามธรรม

สำหรับบทความนี้หากมีข้อความใดผิดพลาดประการใด ผู้เขียนขอกราบขอขมาแด่พระรัตนตรัยและขออโหสิกรรมจากท่านผู้อ่านทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วย....ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกท่านด้วยค่ะ