หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555

นายที่มองไม่เห็น




 
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สวัสดีค่ะ  ท่านผู้ใฝ่ในธรรมทุกท่าน

ท่านทราบไหมว่า สภาพธรรมอะไรที่คอยเป็นผู้บงการให้เราทำทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเสมือนผู้บังคับบัญาที่เรามองไม่เห็น และสภาพธรรมอะไรที่สามารถทำให้พ้นจากความหลงได้...การศึกษาธรรมะต้องเริ่มต้นด้วยการฟัง ก็ต้องทราบด้วยว่า เราฟังเพื่ออะไร จะได้ไม่หลงทาง แต่ละคำต้องใคร่ครวญ ไตร่ตรอง เป็นผู้ที่มีเหตุผล มีความเคารพในพระธรรม ต้องเป็นผู้ตรงต่อพระธรรม คำพูดนี้ผิดหรือถูก "สิ่งที่หมดไปแล้ว เราไม่สามารถรู้ได้ สิ่งที่ยังมาไม่ถึง เราก็ไม่สามารถรู้ได้"

ปัญญาสามารถเห็นตามความเป็นจริงตั้งแต่คำแรก คือ เป็นธรรมะ ขณะนี้กำลังมีสิ่งที่มีจริงปรากฏ "เห็น" เป็นสิ่งมีจริง หรือเข้าใจว่าเห็นเป็นธาตุ หรือเป็นธรรมะซึ่งเกิดขึ้นรู้ คือ เห็น และกว่าจะเข้าใจลักษณะของธรรมะตามความเป็นจริง ก็ต้องค่อย ๆ ฟังสะสมความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อย จนกว่าจะเข้าใจเพิ่มขึ้น โดยไม่หวังอะไร ซึ่งเป็นหนทางที่ยากมาก เมื่อเราทำอะไร ก็อดที่จะหวังผลไม่ได้ เพราะว่าเราได้สะสมโลภะไว้มากมาย "โลภะ" เป็นเสมือนผู้บังคับบัญชาที่มองไม่เห็น บงการให้เราทำตามทุกอย่างตลอดทั้งวัน

ปัญญาเท่านั้นที่สามารถเห็น "โลภะ" แล้วละโลภะได้ เพราะเหตุว่า อริยสัจมี ๔...อริยสัจที่ ๑ คือ ทุกขอริยสัจจะ..... ทุกขะในที่นี้หมายถึง สภาพธรรมที่ไม่น่ายินดี ซึ่งตรงข้ามกับสุขที่เราเพลิดเพลินและต้องการ  ตราบใดที่ยังไม่ประจักษ์การเกิดดับของสภาพธรรมตามความเป็นจริง ก็ยังไม่เห็นว่าเป็นทุกข์ ใครจะเห็นว่า "เห็น" ขณะนี้เป็นทุกข์ ไม่มีทางเลย  เมื่อเห็นเกิดดับตามความเป็นจริงเมื่อไร และเมื่อไรประจักษ์เช่นนั้น  เมื่อนั้นคือ ทุกขอริยสัจจะ 

การที่จะรู้ได้อย่างนี้ ก็ต้องละความไม่รู้ด้วยการฟัง  จนกระทั่งเป็นความรอบรู้ของความต่างของขณะที่เห็น  แต่ไม่รู้ว่าเป็นธรรมะ  กับขณะที่เห็นแล้วเริ่มค่อย ๆ เข้าใจทีละเล็กทีละน้อยว่าเป็นธรรมะ

นี่แหละชีวิตประจำวันตั้งแต่เกิดจนตาย  ถ้าไม่ได้ฟังธรรมเลย ก็จะไม่รู้จริง ๆ ว่า  ธรรมะอยู่ที่ไหน ได้ยินแต่เขาบอกว่า ธรรมะเป็นอย่างนี้  ธรรมะเป็นอย่างนั้น  แต่เวลานี้ธรรมะคือ ขณะที่กำลังทำหน้าที่ของธรรมะแต่ละอย่าง เพราะว่าต้องเกิดขึ้น ถ้าไม่เกิดก็เห็นไม่ได้....ปัญญาสามารถรู้ตามความจริง แต่อวิชชาถูกลวง ไม่รู้ก็เข้าใจว่ารู้  ไม่ใช่หนทางก็เข้าใจว่าหนทาง  ไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คิดว่าใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

สำหรับบทความนี้ หากมีข้อความผิดพลาดประการใด ผู้เขียนขอกราบขอขมาแด่พระรัตนตรัย และขออโหสิกรรมจากท่านผู้อ่านทุกท่าน ไว้ ณ ที่นี้ด้วย...ขออนุโมทนาในกุศลจิตกับทุกท่าน