หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

มโนกรรมไม่ใช่เพียงแค่คิดในใจ




ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

เรื่องของมโนกรรม ไม่ใช่เพียงแค่คิดอยู่ในใจ  คิดไปทั้งวัน ถ้าไม่ได้กระทำกรรมตามที่คิดก็ไม่สำเร็จ เช่น อยากจะได้ของคนอื่น แล้วก็นึกอยู่ในใจ ของนั้นก็จะมาเป็นของท่านไม่ได้เลย

มโนกรรมจะสำเร็จได้ ก็จะต้องมีการล่วงออกไปทางกาย หรือทางวาจา  แต่ว่าสำหรับการกระทำทางกายที่ไม่เป็นมโนกรรมก็มี  คือเป็นแต่เพียงกายกรรมเท่านั้น  เช่น เดินไปเห็นผลไม้หล่นอยู่ใต้ต้น เกิดความอยากได้โดยไม่คิดมาก่อน  แล้วก็หยิบเอาผลไม้นั้นไป  ขณะนั้นก็เป็นกายกรรม  แต่ไม่เป็นมโนกรรม

เพราะฉะนั้น กายกรรมไม่เป็นมโนกรรม  วจีกรรมไม่เป็นมโนกรรม  ที่แสดงเรื่องของกรรม ๓  (กายกรรม  วจีกรรม  มโนกรรม) ก็เพื่อที่จะแยกให้เห็นว่า  กายกรรมไม่ใช่มโนกรรม  วจีกรรมไม่ใช่มโนกรรม

แต่สำหรับมโนกรรมที่เป็นมโนกรรม โดยคิดอยู่ในใจเฉย ๆ ไม่ได้ล่วงไปทางกาย ทางวาจานั่น  ไม่สามารถที่จะสำเร็จลงไปได้  แต่ว่าต่างกับกายกรรมและวจีกรรม  ถ้าทางมโนกรรมมีความตั้งใจเกิดขึ้นทางใจก่อน  จึงจะจัดว่าเป็นมโนกรรม

ถ้าโกรธคนหนึ่งแล้วก็คิดที่จะฆ่าคนนั้น  แล้วก็จ้างให้คนอื่นไปฆ่าคนนั้น  ขณะนั้นการฆ่าที่สำเร็จลงไปเป็นมโนกรรม  แม้ว่าเป็นปาณาติบาตซึ่งเป็นข้อของกายกรรมก็จริง  แต่กรรมนั้นสำเร็จลง เพราะมโนกรรม  ไม่ใช่เพียงกายกรรม

แต่ถ้าโกรธระงับไม่อยู่ เลยเกิดประทุษร้ายคนนั้น แล้วคนนั้นตาย  ขณะนั้นก็เป็นกายกรรม  ซึ่งไม่มีความผูกพยาบาทคิดมาก่อนเลยว่า ต้องการที่จะฆ่าคนนั้น  แต่เกิดบันดาลโทสะ หรือป้องกันตัวหรืออะไรก็ตาม  แต่ซึ่งทำให้บุคคลนั้นตายไป  ขณะนั้นก็เป็นกายกรรม ซึ่งไม่ใช่มโนกรรม

เพราะฉะนั้น  องค์ของมโนกรรมก็ดี หรือองค์ของกายกรรม  วจีกรรมก็ดี เป็นการแสดงให้เห็นว่า  ผลที่เกิดขึ้นจากกาย จากวาจานั้น ๆ  เป็นกายกรรม หรือว่าเป็นมโนกรรม.


                                                     ขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์


                                                        ...........................................