ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สวัสดีค่ะ ท่านผู้ใฝ่ในธรรมทุกท่าน
ความสงบตามปรกติควรให้มีเป็นเชื้อเป็นทุนอยู่เรื่อย ๆ เพื่อที่ว่าเมื่ออารมณ์หนึ่งอารมณ์ใดของสมถะภาวนาปรากฏ จิตของท่านก็จะสามารถที่จะสงบและอาจจะสามารถสงบมั่นคงขึ้น เพราะว่ามีปัจจัยในการที่เคยอบรมความสงบเป็นปรกติในชีวิตประจำวัน เมื่อปัญญารู้ลักษณะของความสงบในขณะที่กำลังจะกระทำกายหรือวาจา ด้วยโลภะหรือด้วยอกุศลใด ๆ ก็ตาม ให้ระลึกว่าขณะนั้นสงบหรือไม่สงบเสียก่อน เพียงเท่านี้ แล้วก็จะรู้ว่า ถ้าปัญญาเกิดในขณะนั้น ก็จะรู้วิธีที่ว่า ทำอย่างไรจิตจึงจะสงบแม้ในขณะนั้น นั้นคือปัญญาที่รู้หนทางวิธีที่จะสงบ
ต้องเป็นปัญญาที่รู้ว่าจะสงบอย่างไร แล้วความสงบจึงจะเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ แต่ถ้าขณะนั้นปัญญาไม่เกิด ไม่รู้ลักษณะความต่างกันของความสงบ ก็จะมีความต้องการความสงบอย่างอื่นขึ้น เช่น สนใจอยากรู้ว่า อานาปานสติเป็นยังไง มุ่งที่จะไปหาอานาปานสติ โดยคิดว่าจะสงบโดยการไปจดจ้องอยู่ที่ลมหายใจ โดยไม่รู้ลักษณะที่ว่า ขณะจะฆ่าสัตว์ ขณะที่จะทำทุจริต ขณะที่เป็นอกุศลจิต ขณะนั้นจิตจะสงบได้อย่างไร
ถ้าปัญญารู้หนทาง ความสงบก็จะเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ เนื่อง ๆ และหนทางที่จะเป็นความสงบถึงขั้นอุปจารสมาธิกับอัปนาสมาธินั้น ก็แสนไกลมาก ยากที่จะถึงได้ เพราะฉะนั้นขอให้ทุกท่านพิจารณาตัวท่านเองว่า ตามความเป็นจริงแล้ว ท่านเป็นผู้ที่สมควรที่ฌานจิตจะเกิดไหม ถ้าไม่สมควร แล้วเรื่องอะไรที่จะไปพากเพียรด้วยความต้องการที่จะทำ โดยที่ไม่สะสมเหตุปัจจัยคือความสงบเท่าที่จะมีได้ในชั่วขณะหนึ่ง ๆ แทนอกุศลจิตซึ่งเกิดอยู่บ่อย ๆ
ขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์
.........................................