หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

มิจฉาทิฏฐิ




ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย                                            

มิจฉาทิฏฐิต้องเป็นความเห็นที่มั่นคงว่า การกระทำนั้นไม่ใช่กรรมที่จะให้เกิดผล ได้แก่ มิจฉาทิฏฐิ ๓ อย่าง  จึงจะทำให้อกุศลกรรมบถแตกหรือขาดได้  คือ มีความเชื่อว่าผลของกรรมไม่มี ๑  มีความเชื่อว่ากรรมไม่มี ๑   มีความเชื่อว่าการกระทำนั้นไม่เป็นกรรม ๑

ถ้าพิจารณาจิตก็จะสะดวกและง่ายกว่า  อกุศลจิตหรือกุศลจิตเกิดขึ้นเมื่อไหร่  ก็รู้ว่าลักษณะสภาพธรรมนั้น เป็นสภาพของอกุศลหรือกุศล  เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่เรา  ถ้าพิจารณาอยู่บ่อย ๆ เนือง ๆ  ดังนี้  ก็จะทำให้ไม่กังวลและไม่ห่วงเรื่ององค์ของกรรมบถต่าง ๆ  เพราะเหตุว่า สติสามารถที่จะระลึกรู้ความมีกำลังขึ้นของอกุศลหรือกุศลได้

ถ้าสติเกิดในขณะนี้  ก็พอที่จะรู้ลักษณะของกุศลและอกุศล  ค่อย ๆ รู้ไปในลักษณะของรูปธรรมและนามธรรม  ยังไม่ต้องห่วงว่ายังไม่สามารถที่จะแยกได้ว่า  ขณะนี้เป็นกุศลจิต ขณะนั้นเป็นอกุศลจิต  ขณะนั้นเป็นวิบากจิต เป็นกิริยาจิต  แต่ว่าการที่สติระลึก เพื่อที่จะรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรม ที่ไม่ใช่ตัวตน  สัตว์ บุคคล  เพราะว่าเป็นลักษณะของสภาพรู้  ซึ่งใช้คำว่า  "นามธรรม"  หรือเป็นลักษณะที่ไม่ใช่สภาพรู้ ซึ่งเรียกว่า "รูปธรรม"  ที่กำลังปรากฏทางตา  ทางหู  ทางจมูก ทางลิ้น หรือทางกาย  ต้องค่อย ๆ รู้ไปในลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม จนกว่าที่จะรู้ว่า  ขณะใดเป็นกุศลจิต ขณะใดเป็นอกุศลจิต


                          ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านและขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์