หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

ปรมัตถธรรมคืออะไร




ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สวัสดีค่ะ  ท่านผู้สนใจในพระธรรม

ปรมัตถธรรม  คือ สภาพธรรมทั้งหลายที่ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล...เป็นสภาพธรรมที่มีลักษณะแต่ละอย่าง ๆ ไม่มีใครที่จะไปเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมนั้นได้ ไม่ว่าผู้ใดจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม....ใครจะเรียกสภาพธรรมนั้น ๆ ด้วยคำต่าง ๆ หรือภาษาต่าง ๆ หรือจะไม่เรียกสภาพธรรมนั้น ๆ ด้วยคำใดก็ตาม....สภาพธรรมนั้นก็ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้เลย....สภาพธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป.....พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสแก่ท่านพระอานนท์ว่า "สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว มีแล้ว ปัจจัยปรุงแต่งแล้ว มีความทำลายเป็นธรรมดา"

ความไม่รู้ตามความเป็นจริงของสภาพธรรมะที่ปรากฏ....จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิด จึงยึดถือสภาพธรรมะที่เกิดดับว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล...ย่อมทำให้เกิดความยินดีพอใจ ติดข้องต้องการ หลงยึดติดใน ลาภ ยศ สรรเสริญ เกียรติ ชาติ วงศ์ตระกูล วรรณะ เป็นต้น....ความจริงนั้น สิ่งที่มองเห็นเป็นเพียงสีต่าง ๆ ที่ปรากฏทางตา ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล....สภาพธรรมแต่ละอย่างที่เกิดขึ้นก็เพราะเหตุว่ามีปัจจัยแตกต่างกัน

ปรมัตถธรรมมี ๔ ประเภท....ได้แก่ จิต เจตสิก  รูป  นิพพาน

จิต....เป็นนามธรรม...เป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งสิ่งที่ปรากฏ.....จิตเป็นสภาพรู้ เป็นธาตุรู้  เช่น เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้เย็น รู้ร้อน รู้อ่อน รู้แข็ง รู้ไหว รู้ตึง และรู้ความคิดนึก.....ทั้งหมดนี้เป็น "จิต" ทำหน้าที่ต่าง ๆ จิตมีทั้งหมด ๘๙ ดวง (๑๒๑ ดวงโดยพิศดาร)

เจตสิก....เป็นนามธรรม....เป็นสภาพธรรมประเภทหนึ่งเกิดร่วมกับจิต รู้สิ่งเดียวกับจิต ดับพร้อมกับจิต เกิดที่เดียวกับจิต ไม่แยกจากจิต.....เจตสิกแต่ละดวง มีลักษณะและกิจการงานแตกต่างกันตามประเภทของเจตสิกนั้น ๆ  เจตสิกมีทั้งหมด ๕๒ ประเภท

รูป.....เป็นสภาพธรรมที่ไม่ใช่สภาพรู้....รูปไม่รู้อะไร ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล  เช่น  สี เสียง กลิ่น รส สัมผัสทางกาย.....รูปมีทั้งหมด ๒๘ ประเภท

นิพพาน....เป็นธรรมที่ดับกิเลส ดับทุกข์....นิพพานไม่มีปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดขึ้น...นิพพานจึงไม่มีการเกิดดับ

ปรมัตถธรรมคือสภาพธรรมที่มีจริง เป็น "อภิธรรม" เป็นธรรมที่เป็น "อนัตตา" ไม่อยู่ใต้อำนาจบังคับบัญชาของใคร....เป็นสภาพธรรมที่เป็นไปตามเหตุปัจจัย....ธรรมทั้งหลายย่อมเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล....ปรมัตถธรรมหรืออภิธรรมเป็นธรรมที่มีจริง....ฉะนั้น  จึงต้องมีความเห็นถูกและความเข้าใจถูกต้อง จึงจะเป็นการรู้ตามความเป็นจริงของปรมัตถธรรม ตามสภาพลักษณะของปรมัตถธรรมนั้น ๆ

หากข้อความใดผิดพลาดประการใด  ผู้เขียนขอกราบขอขมาแด่พระรัตนตรัยและขออโหสิกรรมจากผู้อ่านทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วย......ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ