ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สวัสดีค่ะ ท่านผู้สนใจในธรรมทุกท่าน
ปรมัตถธรรม หมายถึงสิ่งที่มีจริง ได้แก่ จิต เจตสิก รูป ขณะใดที่สติไม่ได้ระลึกรู้ลักษณะของจิต เจตสิก รูป ขณะนั้นเป็นสมมติ
บัญญัติ หมายถึง คำหรือชื่อซึ่งใช้ เพื่อที่จะเรียกชื่อสิ่งที่มี หรือสิ่งที่ไม่มี ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่จริงหรือไม่จริง เช่น คำว่า "เวทนา" เป็นบัญญัติ เพื่อให้เข้าใจความรู้สึกที่มีจริง ๆ "เวทนา" เป็นสภาพรู้สึก ดีใจ เสียใจหรือเฉย ๆ เวทนาเป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นปรมัตถธรรม แต่ว่าบัญญัติบางคำก็หมายถึงสิ่งที่ไม่มีจริง บัญญัติแม้ว่าจะไม่มีโดยปรมัตถ์ แต่ก็เป็นอารมณ์ของจิตขณะหนึ่ง ๆ (จิตตุปาทะ) หรือเป็นอารมณ์ของจิตที่เกิดขึ้น ได้แก่ทำอาการหรือมีสัณฐานเป็นต้น ให้เป็นเหตุกล่าวกัน เรียกกันให้รู้ความหมายกัน
จึงเรียกว่า "บัญญัติ" เช่น ธาตุดินก็เป็นเพียงอ่อนหรือแข็ง แต่ก็เรียกโดยสัณฐานรูปร่างลักษณะว่าเป็น จานบ้าง ชามบ้าง ช้อนบ้าง ส้อมบ้าง แม้ว่าคำบัญญัติเรียก จาน ชาม ช้อน ส้อม ไม่มีอยู่โดยปรมัตถ์ ไม่มีลักษณะเป็นปรมัตถ์แท้ ๆ ต่างหากจากธาตุดิน แต่ก็เป็นเงาอรรถ คือให้รู้ถึงความหมายของสิ่งที่ให้เข้าใจในขณะนั้น โดยเทียบเคียงหรือเปรียบเทียบ ได้แก่ทำอาการ มีสัณฐานเป็นต้น ให้เป็นเหตุกล่าวกัน ธาตุดินมีจริง แต่ว่าถ้วย ชาม จาน ช้อน ส้อมเป็นบัญญัติ เพื่อให้รู้อรรถของสัณฐาน ซึ่งเหมือนเงาของปรมัตถ์ เพราะเหตุว่าเป็นสัณฐานที่ทำให้สามารถรู้ว่าหมายถึงอะไร
นอกจากนั้น ยังต้องอาศัยเสียง ซึ่งเป็นบัญญัติให้รู้ความหมายของสิ่งที่ยึดถือ หรือสมมติกันว่าอะไร ทุกคนมีตาเห็นสิ่งต่าง ๆ ยึดถือสัณฐานของสิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏเป็นรูปร่างสัณฐานต่าง ๆ รู้ในอรรถของสิ่งที่สมมติ สัตว์เดรัจฉานก็เห็น แต่ผู้ที่เป็นมนุษย์สามารถที่จะใช้เสียง เรียกสิ่งที่สมมติขึ้น ให้เข้าใจว่าหมายถึงสิ่งอะไร ในขณะที่สัตว์เดรัจฉานไม่มีความสามารถพอที่จะใช้เสียงได้อย่างมนุษย์ ที่จะบัญญัติได้อย่างละเอียด เพราะฉะนั้นจึงควรที่จะเข้าใจสภาพธรรมชนิดหนึ่ง คือ เสียงหรือสัทธรูป เมื่อมีการพูด มีการใช้เสียง จึงต้องใช้เสียงสำหรับบัญญัติเรียกสิ่งต่าง ๆ เสียงเป็นสภาพธรรมที่มีจริง ถ้าไม่มีเสียง นามหรือชื่อต่าง ๆ หรือคำทั้งหลายเป็นเรื่องราวต่าง ๆ ก็จะมีไม่ได้ เราติดในบัญญัติทั้งหลาย คือ "ชื่อ" ซึ่งเรียกกันว่า สมมติ เพราะฉะนั้น บัญญัติก็คือ ชื่อซึ่งเรียกสิ่งสมมติหรือปรมัตถธรรม เพื่อให้เข้าใจความหมายนั่นเอง
สำหรับบทความนี้ หากมีข้อความใดผิดพลาดประการใด ผู้เขียนขอกราบขอขมาแด่พระรัตนตรัย แ และขออโหสิกรรมจากท่านผู้อ่านทุกท่าน ไว้ ณ ที่นี้ด้วย....ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ