หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ปุถุชน

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สวัสดีค่ะ ท่านผู้ใฝ่ในธรรมทุกท่าน

คำว่า "ปุถุชน" หมายความว่า เป็นผู้หนาด้วยกิเลส ยังกิเลสมากมายให้เกิด เป็นผู้ไม่ชอบฟังสิ่งที่ควรรู้ ซึ่งยังเป็นผู้มืดบอด ไม่สนใจแม้เพียงแต่จะฟังสิ่งที่น่ารู้ควรรู้เพียงเล็กน้อย....ปุถุชนผู้มีความเห็นถูกต้อง มีความ ศรัทธาที่่่จะฟังสิ่่งที่ควรรู้  ฟังพระธรรมเพื่อเกื้อกูลให้เกิดความรู้ ความเข้าใจตามความเป็นจริงของลักษณะสภาพธรรม ที่ปรากฏตามความเป็นจริงขณะนั้น..... จนกว่าจะพ้นจากความเป็น "ปุถุชน" เข้าสู่ความเป็นอริยบุคคล โดยละคลายความติดข้อง ยินดี พอใจในสิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจได้หมด  เพื่อความไม่ประมาท....จึงควรฟังพระธรรมเพื่อสะสม "ความเห็นถูกต้อง" (สัมมาทิฏฐิ)

พึงยอมรับตามความเป็นจริงว่า ตนยังมีกิเลสมากมายอยู่....."ปุถุชน"  ตราบใดที่ยังไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายและทางใจ ว่าเป็นแต่เพียงสิ่งต่าง ๆ เกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วดับไปไม่เหลือเลย....ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่เรา  ถ้ารู้อย่างนี้ไม่ได้....กิเลสก็จะไม่มีวันที่จะเบาบางลงเลย  เพราะฉะนั้นจึงควรยอมรับตามความเป็นจริงว่า ยังเป็นผู้มีกิเลสมากมายอยู่

ปุถุชนผู้ที่ยังไม่รู้แจ้งในอริยสัจจธรรม "เป็นผู้ที่มิได้สดับ" เพราะเหตุว่าไม่มีการศึกษาเล่าเรียนและพิจารณาในหัวข้อธรรมะ ได้แก่  ขันธ์ ธาตุ อายตนะ ปัจจัยต่าง ๆ  และสติปัฏฐานเป็นต้น....ไม่มีมรรคผล  เพราะไม่ได้บรรลุมรรคผลที่ตนจะพึงบรรลุได้ด้วยการเจริญอบรมปัญญา.....ดังนั้นพึงรู้ไว้ว่าเป็น "ผุ้มิได้สดับ" เพราะเหตุว่าถ้าไม่ได้ฟังธรรม ศึกษาธรรม ไม่ได้มรรคผล ก็ย่อมจะต้องเป็นผู้ที่ยังมีกิเลสหนาอยู่ดี

ใจของปุถุชนย่อมหวั่นไหวไปตามกระแสอารมณ์ต่าง ๆ ที่มากระทบทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายและทางใจ  เพราะเหตุว่ายังมีอกุศลอยู่มากมาย เช่น โลภะ โทสะ โมหะ ไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมะตามความเป็นจริง....ผู้ไม่ฟังธรรมเหมือนตกอยู่ใต้หลังคาของกิเลส คือถูกกิเลสครอบงำบอดมืดมิด ไม่มีโอกาสที่จะรู้ตามความเป็นจริงเลย  การได้ฟังธรรมเป็นโอกาสอันประเสริฐสุด....... ........ถ้ารู้ได้ว่าตนกำลังอยู่ใต้หลังคาของกิเลส   แล้วเริ่มฟังธรรมศึกษาธรรม  ก็เรียกว่ากำลังเริ่มจะมีแสงสว่าง คือปัญญาที่จะค่อย ๆ  ส่องให้เห็นความจริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ซึ่งจะเป็นเพียงหนทางเดียว ที่จะรักษาจิตจากการถูกครอบงำของกิเลสได้

สำหรับบทความนี้เป็นเพียงสังเขป....หากข้อความใดผิดพลาดประการใด  ผู้เขียนขอกราบขอขมาแด่พระรัตนตรัย  และขออโหสิกรรมจากท่านผู้อ่านทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วย.....ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ

                                             .........................................