หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ขันธ์ ๕





ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สวัสดีค่ะ  ท่านผู้ใฝ่ในธรรมทุกท่าน

ขันธ์ ๕....ปรมัตถธรรม ๓  คือ จิต เจตสิก รูป ซึ่งเป็นสังขารธรรม (เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยปรุงแต่งแล้วก็ดับไป) สามารถแยกอีกนัยหนึ่ง โดยเป็น "ขันธ์ ๕"....ขันธ์ หมายถึง กองหรือกลุ่ม ได้แก่

๑. รูปขันธ์   ได้แก่  รูปทุกรูป
๒. เวทนาขันธ์   ได้แก่   ความรู้สึก (เวทนาเจตสิก)
๓. สัญญาขันธ์   ได้แก่   ความจำรู้หมาย (สัญญาเจตสิก)
๔. สังขารขันธ์   ได้แก่   นามธรรมที่ปรุงแต่งจิต (เจตสิก ๕๐ ดวง)
๕. วิญญาณขันธ์   ได้แก่   จิตทุกดวง (จิต ๘๙ ดวง หรือ ๑๒๑ ดวง)

๑.รูปขันธ์ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง สามารถรู้ได้ เช่น ร่างกายเมื่อเรารู้สึกแข็งหรือรู้สึกอ่อน แข็งหรืออ่อนเป็นรูปธรรมชนิดหนึ่งที่รู้ได้เมื่อมีการกระทบสัมผัสทางกาย...รูปขันธ์ไม่ได้หมายถึงเฉพาะร่างกายเท่านั้น  สภาพธรรมที่ไม่รู้อะไรเลย ก็เป็นรูปขันธ์ด้วย  เช่น สี  เสียง  กลิ่น  รส  เย็น ร้อน อ่อน แข็ง  ไหว  ตึง เหล่านี้เป็นรูปขันธ์  เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยง

๒.เวทนาขันธ์ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง สามารถรู้....ความรู้สึกทุกอย่างเป็น "เวทนาขันธ์"  เวทนาแบ่งออกเป็น เวทนา ๓ และเวทนา ๕  ดังนี้

เวทนา ๓  ได้แก่  สุขเวทนา (สุขกาย),  ทุกขเวทนา (ทุกข์กาย), อุเบกขาเวทนา (เฉย ๆ)
เวทนา ๕  ได้แก่  โสมนัสเวทนา (สุขใจ), โทมนัสเวทนา (ทุกข์ใจ), อทุกขมสุข (ไม่ทุกข์ไม่สุข), สุขเวทนา, ทุกขเวทนา

เวทนาเกิดกับจิตทุกดวง....การที่เวทนาต่าง ๆ เกิดแล้วดับไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับจิต  จึงยากที่จะรู้ได้ว่าเป็นเวทนาประเภทใด  เช่น  สุขเวทนาที่เกิดทางกายกับโสมนัสเวทนา เป็นเวทนาที่เกิดทางใจ  ถึงแม้ว่าจะเป็นนามธรรมเหมือนกัน  แต่ก็เป็นความรู้สึกที่แตกต่างกัน  เพราะมีปัจจัยต่างกัน  เวทนาเป็นเจตสิกเกิดกับจิตแล้วก็ดับไปพร้อมกับจิต  ไม่เที่ยง

๓.สัญญาขันธ์ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เกิดกับจิตทุกดวงและดับพร้อมกับจิต....สัญญาทำหน้าที่จำและรู้หมายอารมณ์ที่จิตรู้  สัญญาจำทุกอย่างแม้ขณะที่หลงลืมสติ.....สัญญาเป็นเจตสิกเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็ว ไม่เที่ยง

๔.สังขารขันธ์  เป็นสภาพธรรมที่มีจริง (เจตสิก ๕๐ ดวง)  เราสามารถรู้สังขารขันธ์ได้ในขณะที่มีกุศลเจตสิกเกิดขึ้นกับจิต (โสภณเจตสิก)  เช่น ขณะให้ทาน เอื้อเฟื้อ เมตตา  กรุณา  หรือขณะอกุศลเจตสิกเกิดร่วมกับจิต  เช่น โทสะ โลภะ โมหะ อิสสา  มัจฉริยะ....สภาพธรรมเหล่านี้เป็น "สังขารขันธ์" เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป  ไม่เที่ยง

๕.วิญญาณขันธ์ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง...วิญญาณหมายถึง จิตทุกดวง มีทั้งหมด ๘๙ ดวง  เราสามารถรู้ได้เมื่อมีการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การกระทบสัมผัสทางกายและการนึกคิด....วิญญาณขันธ์เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย  แล้วก็ดับไป ไม่เที่ยง

สังขารธรรม ทั้งหลายก็คือขันธ์ ๕....ขันธ์ ๕ เป็นที่ตั้งแห่งความยึดถือ เรียกว่า "อุปาทานขันธ์"...ฉะนั้นจึงยึดถือในรูปขันธ์และนามขันธ์ ว่าเป็นตัวตน...ยึดรูปร่างกายว่าเป็นตัวตน  ยึดเวทนา  ยึดสัญญา  ยึดสังขาร  ยึดวิญญาณ ว่าเป็นตัวตนเป็นเรา....เมื่อเราไม่รู้จักขันธ์ ๕ ตามความเป็นจริง ก็จะต้องเป็นทุกข์...ตราบใดที่ยังยึดมั่่นในขันธ์ ๕   ย่อมจะต้องเวียนว่ายอยู่ในวัฏฏะทุกข์  และเวียนอยู่ในภพชาติต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด....หนทางที่จะละคลายความยึดมั่นในขันธ์ ๕  และเพื่อความดับขันธ์ ๕ เป็นสมุจเฉทก็คือ  การอบรมเจริญมรรคมีองค์ ๘  ซึ่งเป็นทางดำเนินไปสู่ความดับทุกข์โดยสิ้นเชิง  บรรลุอริยสัจจธรรมขั้นอรหันตบุคคล ไม่มีการเกิด แก่ เจ็บ ตายอีกต่อไป

บทความนี้เป็นเพียงย่อ ๆ ....หากมีข้อความใดผิดพลาดประการใด  ผู้เขียนขอกราบขอขมาแด่พระรัตนตรัย  และขออโหสิกรรมจากท่านผู้อ่านทุกท่าน ณ ที่นี้ด้วย ...ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน