หน้าเว็บ

วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สติสัมปชัญญะเกิดได้อย่างไร




ขอนอบน้อมต่อพระรัตนตรัย
สวัสดีค่ะ ท่านผู้ใฝ่ในธรรมะทุกท่าน

ชีวิตคนเรานี้แสนสั้นมาก... อดีตก็ผ่านไปแล้ว ไม่หวนกลับคืนมาอีก เราไม่ควรที่จะตามคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว ด้วยความอาลัย...อนาคตก็ยังมาไม่ถึง จึงไม่ควรนึกถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง....สิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งก็คือ ขณะนี้เดี๋ยวนี้ มีโลกทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ  กำลังปรากฏอยู่...เรารู้ตามความเป็นจริงและรู้ชัดในสิ่งที่ปรากฏแล้วหรือยัง  ถ้ายังไม่รู้ก็ควรที่จะเริ่มศึกษาให้เข้าใจ เพื่อละ "ความไม่รู้" (อวิชชา)

สติ คือนามธรรมชนิดหนึ่ง เป็นเจตสิก เป็นโสภณธรรม (ธรรมฝ่ายดีงาม) เกิดกับกุศลจิต...สติทำหน้าที่ระลึกรูู้ "รูปธรรม" และ "นามธรรม" ที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ตามปกติ... "สติ" จะเกิดกับสภาพธรรมที่เป็นกุศลเท่านั้น  เมื่อใดที่สติระลึกรู้ตามความเป็นจริงของ สภาพธรรมที่ปรากฏ  ขณะนั้นจิตเป็นกุศล...สติเกิดขึ้นได้ทุกขณะ ทุกสถานที่ ไม่มีกาลเวลาจำกัด สติเกิดขึ้นระลึกรู้เป็นปกติ แต่เราไม่เคยรู้จักสติเลย เพราะเหตุว่าวันหนึ่ง ๆ จิตสะสมแต่อกุศลธรรม สติจึงไม่เกิด 

ตามปกติในชีวิตประจำวัน ทุกคนก็มีสติระลึกในสิ่งที่ตนกระทำ ในคำที่พูด การระลึกรู้อย่างนี้ใคร ๆ ก็ รู้ได้ แต่ก็ยังไม่ใช่สติที่ระลึกรู้ตามความเป็นจริงของสิ่งต่าง ๆ  ที่ปรากฏขณะนี้  สติที่ระลึกรู้ถูกต้อง รู้ตรงตามความเป็นจริงของ "นามและรูป" นี้เรียกว่า "สัมมาสติ"

สัมมาสติ...เป็นเครื่องกั้นกระแสกิเลสทั้งหลาย ขณะที่สติเกิด...อกุศลธรรมทั้งหลายจะเกิดกับจิตไม่ได้ เพราะเหตุว่า "จิต" เกิดได้ทีละขณะเท่านั้น เมื่อใดที่สติระลึกรู้สภาพธรรมที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ ขณะนี้ตามความเป็นจริงว่า "เป็นเพียงสิ่งที่มาปรากฏให้จิตรู้เพราะมีเหตุปัจจัย" แล้วก็ดับไปเป็นธรรมดา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ไม่ใช่เรา  การรู้เช่นนี้เรียกว่า "สติสัมปชัญญะ"

สติมีหลายระดับ เช่น สติในขั้นทาน (ระลึกในการให้ทาน)...สติในขั้นรักษาศีล (ระลึกในการงดเว้นการกระทำทุจริต)...สติขั้นเจริญความสงบของจิต (ระลึกที่จะมีเมตตาต่อบุคคลอื่น)...สติขั้นเจริญอบรมปัญญา (ระลึกรู้ตามความเป็นจริงของสภาพธรรมที่ปราฏขณะนี้ ว่าไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล ไม่ใช่เรา)

สติจะเกิดได้อย่างไร...สติเกิดได้ด้วยการฟังธรรมจากสัตบุรุษ ศึกษาธรรม และสนทนาธรรมตามกาล เพื่อเป็นการสะสมความเข้าใจเป็นสติปัญญาในขั้นฟัง และเพื่อเป็นปัจจัยในเกิดสติสัมปชัญญะตามระดับขั้น จนถึงในขั้นวิปัสสนา

ท่านผู้ใดต้องการที่จะศึกษาให้ละเอียดและเข้าใจมากกว่านี้  ก็ควรเริ่มขนขวายด้วยการฟังธรรมะอยู่เนื่อง ๆ
จนมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นเป็นปัญญาของตน....ขอท่านผู้อ่าน จงเป็นผู้เจริญในพระธรรมทุกท่านนะคะ

หากข้อความใดมีความผิดพลาดประการใด อันเกิดจากความด้อยปัญญาของผู้เขียน ก็ขอกราบขอขมาต่อพระรัตนตรัย และขออโหสิกรรมจากท่านผู้สนใจในธรรมะทุกท่าน ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ