หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ธรรมะกับชีวิตประจำวัน




ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สวัสดีค่ะ ท่านผู้สนใจในธรรมทุกท่าน

วันนี้พบกันที่เว็บไซด์ "ธรรมะประจำวัน" เป็นครั้งแรก  ท่านผู้อ่านมีเรื่องจะสนทนาด้วยกัน...ก็ขอเชิญด้วยความยินดีค่ะ

ท่านทราบไหมค่ะว่า ชีวิตคืออะไร..เรามีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ  ใช้ชีวิตหมดไปแต่ละวันกับความไม่รู้ซะมากกว่า  ว่าชีวิตนั้นคืออะไร  บางท่านอาจจะตอบว่า "ชีวิตก็คือ งาน เงิน เกียรติยศ ชื่่อเสียง ทรัพย์สมบัติ"  บ้างก็ว่า ชีวิตคือ "กิน กาม เกียรติ"  หรือบางท่านก็บอกว่า "อะไรก็ได้ ขอให้มีเงินใช้ มีอาหารกิน  มีที่อยู่อาศัยและมีความสุขก็ คือ ชีวิต" จะตอบอย่างไรก็แล้วแต่ความคิดของแต่ละท่าน ถูกทั้งหมดนั่นแหละ...เพราะเหตุว่าทุกอย่างเป็น "ธรรมะ" เป็นนามธรรมและความคิดของแต่ละท่านก็เป็นธรรมะ  พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า "สัพเพธัมมา สังขารา" แปลว่า สรรพสิ่งทั้งหลายเป็นธรรมะ 

ธรรมะคืออะไร...ธรรมะ คือ คำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านทรงสอนอะไร...ท่านทรงสอนสิ่งที่มีจริง  ซึ่งเราสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเองเดี๋ยวนี้ขณะนี้  ความจริงที่ท่านนำมาสอนเทวดาและมนุษย์ให้รู้ตามที่พระองค์ได้ตรัสรู้ก็คือ เรื่องเกี่ยวกับ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และ เรื่องสี เสียง กลิ่น รส กระทบสัมผัสทางกาย (เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว) และความนึกคิด ทั้งหมดนี้คือ "โลกทั้ง ๖"

ในชีวิตประจำวัน  เรามีความเกี่ยวข้องกับธรรมะหรือโลกทั้ง ๖ ทุกขณะจิต คือ มีโลกทางตา โลกทางหู โลกทางจมูก โลกทางลิ้น โลกทางกายและโลกทางใจ ไม่มีใครที่มีมากหรือน้อยไปกว่านี้ ทางตาก็เห็นสิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏ  ทางหูรู้เสียงต่าง ๆ ที่มาปรากฏ  ทางจมูกรู้กลิ่นต่าง ๆ ที่มาปรากฏ ทางลิ้นรู้รสต่าง ๆ ที่มาปรากฏ  ทางกายกระทบสัมผัสรู้เย็น ร้อน อ่อน แข็ง  ตึง ไหว และทางใจรู้ความนึกคิดที่มาปรากฏ นี่คือ ความจริงที่รู้ได้ในขณะนี้

สิ่งที่ทำหน้าที่รู้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล แต่เป็นนามธรรมชนิดหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า "จิต" หรือ "วิญญาณ" ทำหน้าที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้ง  รู้ว่าเป็นสิ่งต่าง ๆ ที่มาปรากฏ และสิ่งต่าง ๆ ที่มาปรากฏให้จิตรู้ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจนั้น  เรียกว่า "อารมณ์" เมื่อจิตเกิดขึ้นจะต้องมีอารมณ์ให้จิตรู้เสมอ  อารมณ์ที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย  นี้เรียกว่า "รูปธรรม"  เป็นสภาพธรรมะที่ไม่รู้อะไรเลย

เมื่อได้เข้าใจเรื่องโลกทั้ง ๖ แล้ว..ว่ามีอะไรบ้าง  และเรื่องจิตกับสิ่งที่มาให้จิตรู้ ซึ่งสรุปเรียกว่า "รูปธรรม" กับ "นามธรรม" เป็นของจริงแท้ที่มีให้รู้ได้ด้วยสติสัมปชัญญะ  ซึ่งเป็นพระปัญญาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้   เราอยู่กับโลกแต่ไม่เคยรู้จักโลกเลย ก็คือไม่เคยรู้จัก "พระธรรม"  ก็หมายถึงว่ายังอยู่ในความมืดอยู่  ยังไม่มีที่พึ่งที่มั่นคงปลอดภัยสำหรับชีวิต  เมื่อเกิดมาพบพระพุทธศาสนาแต่ไม่รู้เรื่อง  "พระธรรม" เลย...ก็น่าเสียดายเวลาของความเป็นมนุษย์ในชาตินี้  เพราะเหตุว่าการเกิดเป็นมนุษย์เป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก

สำหรับวันนี้ก็จะขอยุติไว้เพียงแค่นี้ก่อน...ไว้ติดตามตอนต่อไปนะคะ....หากมีข้อความใดผิดพลาดประการใด  ผู้เขียนขอกราบขอขมาแด่พระรัตนตรัย และอโหสิกรรมจากท่านผู้อ่าน ไว้ ณ ที่นี้ด้วย  และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ