วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554
วิริยะและวิริยะบารมี
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สวัสดีค่ะ ท่านผู้สนใจในพระธรรม
ท่านเคยทราบไหมว่า...ตนเองมีความเพียรในสิ่งใดบ้าง...เพียรในกุศลหรือเพียรในอกุศล ส่วนใหญ่แล้วในชีวิตประจำวัน เราจะเพียรในอกุศลธรรม เพราะเหตุว่า "สติ" ไม่เกิดระลึกรู้สภาพธรรมที่ปรากฎตามความเป็นจริง ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ว่าไม่ใช่เรา... ..กูศลก็มีหลายระดับ คือกุศลที่ประกอบด้วยปัญญาและกุศลที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา
วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่อง "วิริยะ" หมายถึงความเพียร ความขยัน มีลักษณะสภาพธรรมคือเป็น "เจตสิก" หมายถึงนามธรรมชนิดหนึ่งเกิดพร้อมกับจิต ดับพร้อมกับจิต วิริยะ... เกิดขึ้นทำหน้าที่เพียร ๆ ที่จะให้กุศุลเกิดขึ้น...ไม่ใช่เราอยากที่ทำความเพียร วิริยะเจตสิกเป็นธรรมะ เป็นอนัตตาบังคับให้เกิดไม่ได้...เมื่อมีเหตุปัจจัยให้เกิดจึงเกิด ขณะเพียรระวัง...ขณะที่สภาพธรรมเกิดปรากฏ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายและทางใจ เช่น ขณะที่มีสีปรากฏทางตา..."จิตเห็น" เกิดขึ้น สติระลึกรู้สิ่งที่ปรากฏทางตา..เป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดขึ้นให้จิตรู้...เกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัย... เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปเป็นธรรมดา ในขณะนั้นก็จะมีวิริยะเจตสิกเกิดร่วมกับจิตด้วย ทำหน้าที่เพียรระลึก...จะเห็นได้ว่า วิริยะเป็นสภาพธรรมที่ทำหน้าที่เพียรอุปถัมภ์ ประคองและค้ำจุนธรรมะทั้งงหลาย ทั้งฝ่ายกุศลและฝ่ายอกุศล ถ้าหากว่า "สติ" ไม่เกิดขึ้นระลึกรู้สภาพธรรม ที่ปรากฏขณะนั้น อกุศลธรรมย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา จิตก็จะมีลักษณะเศร้าหมองไม่ผ่องใสเป็นทุกข์
วิริยะหมายถึงความเพียร หรือมีชื่อว่า "อินทรีย์" เพราะเหตุว่าครองความเป็นใหญ่ในความขยัน ในความเพียร เป็น "วิริยินทรีย์" เป็นธรรมะที่อุปถัมภ์ค้ำจุนและประคองไว้ซึ่ง "กุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ให้เสื่อมไป" และ "วิริยะ" มีลักษณะที่เป็นความอุสาหะนั้น อุปถัมภ์ร่วมกับธรรมะทั้งหลาย...ความเพียรที่ตั้งไว้โดยชอบ ย่อมเป็นเหตุปัจจัยแห่งความสำเร็จกิจทั้งปวง
วิริยะบารมี หมายถึง ความเพียรในการสะสมความดีที่เป็นบารมี คือจะต้องเป็นไปในกุศลของผู้มีปัญญา ที่ต้องการจะออกจากกองทุกข์ทั้งปวง...ต้องการที่จะหลุดพ้นจากวัฎฎะ ไม่ใช่เป็นความเพียรธรรมดาทั่ว ๆไป...ถ้าจะให้เป็นวิริยะขั้น "บารมี" ก็จะต้องประกอบด้วย "ปัญญา" คือ ปัญญาเห็นโทษของกิเลส เห็นโทษของการเวียนว่ายอยู่สังสารวัฎฎ์...เพียรเจริญกุศลเพื่อเป็นไปในการดับภพชาติ...วิริยะเป็นคุณธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสรรเสริญคุณธรรมหนึ่ง...ขอทุกท่านจงเป็นผู้มีความเพียร ที่เป็นไปเพื่อกุศลธรรมทั้งปวงเถิด
หากมีข้อความใดผิดพลาดประการใด อันเกิดจากความด้อยปัญญาของผู้เขียน ก็ขอกราบขอขมาแด่พระรัตนตรัยและขออโหสิกรรม จากท่านผู้อ่านทุกท่าน ไว้ ณ ที่นี่ด้วย....ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ