หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ขันติและขันติบารมี

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สวัสดีค่ะ  ท่านผู้มีขันติทุกท่าน

ในชีวิตประจำของคนเรานี้....ถ้าขาดขันติเมื่อใด รับรองได้ว่าหาความสุขมิได้เลย....ขันติหรือความอดทนก็มีตั้งแต่ขั้น ขันติธรรมดาและขันติบารมี อันเป็นคุณธรรมที่สำคัญประการหนึ่ง ที่จะทำให้ถึงฝั่งพระนิพพาน

แต่ละท่านมีการสะสมอุปนิสัยมาไม่เหมือนกัน จึงมีการกระทำ ทางกาย ทางวาจาซึ่งแสดงออกมาแตกต่างกันไป ในทางกุศลบ้าง และในทางอกุศลบ้าง อันเป็นเหตุให้พอใจหรือไม่พอใจแก่บุคคลอื่นได้....ขันติเท่านั้นที่จะช่วยให้เรา อยู่ในสังคมร่วมกันได้อย่างสันติสุข

ขันติ....หมายถึง การรักษาปกติภาวะของตนไว้ได้ ไม่ว่าจะกระทบกับสิ่งอันเป็นที่ปรารถนา หรือสิ่งอันไม่เป็นที่ปรารถนา.....ขันติ หมายถึง ความอดทนและหนักแน่น....ลักษณะของความอดทนอดกลั้นก็คือ  อดทนต่อการกระทำความดี....อดทนต่อการไม่กระทำความชั่ว.....อดทนต่อการรักษาจิตไม่ให้เศร้าหมอง....อดทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ เช่น อากาศร้อน อากาศหนาวและฝน....อดทนต่อความทุกข์กาย เช่น การเจ็บป่วย ปวด เมื่อย.....อดทนต่อความทุกข์ทางใจ.....อดทนอดกลั้นต่อความโกรธ.....อดทนอดกลั้นต่อความไม่พอใจ......และอดทนอดกลั้นต่อกิเลสทั้งหลาย

ขันติ....เป็นตบะอย่างยิ่ง คืออดทนอดกลั้นต่ออารมณ์ที่มากระทบ.....ขันติ เป็นคุณธรรมฝ่ายกุศล....ขันติ เป็นเสมือนอาวุธ ไม่เบียดเบียนคนอื่นให้เดือดร้อน......ขันติ เป็นเสมือนสายน้ำกำจัดไฟคือความโกรธ.....ขันติ เป็นเสมือนบันไดสู่เทวโลกและพรหมโลก...ขันติ เป็นบานประตูปิดอบายภูมิ

ขันติบารมี.....คือ ความอดทนอดกลั้น เป็นโสภณธรรม (ธรรมฝ่ายดี) ควรอบรมด้วยความเข้าใจตามความเป็นจริงของสภาพธรรมะที่ปรากฏขณะนี้...เพราะเหตุว่ามี "ปัญญา" จึงมีความอดทนต่ออารมณ์ที่มากระทบ
เช่น อดทนต่อคำดูหมิ่นเหยียดหยามจากบุคคลอื่น...ผู้มีปัญญาย่อมอดทนอดกลั้นต่ออารมณ์และการกระทำที่ไม่ดีของผู้อื่น....ผู้มีปัญญาย่อมไม่โกรธตอบผู้อื่น  อันเป็นปัจจัยทำให้ "ขันติบารมี" เจริญยิ่งขึ้น....พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงสรรเสริญ "ขันติ" เป็นคุณธรรมอย่างยิ่ง...ขอทุกท่านจงเป็นผู้เจริญขันติบารมียิ่ง ๆ ขึ้นนะคะ

หากข้อความใดผิดพลาดประการใด ผู้เขียนขอกราบขอขมาแด่พระรัตนตรัยและขออโหสิกรรมจากท่านผู้อ่านทุกท่าน ไว้ ณ ที่นี้ด้วย....ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ